ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมามีบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งไทย และต่างประเทศก็สามารถแสดงศักยภาพของตนเองให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขามีดีอย่างไรในแต่ละมุม ดังนั้น ลองมาคาดการณ์และจับตาดูบุคคลในปี 2566 จะมีใครที่น่าจับตามองบ้าง กับ 10 บุคคลน่าจับตามองปี 2566 จากการจัดอันดับของ Lifestyle Asia
Jump To / Table of Contents
1 /10
แอน จักรพงษ์ หรือ แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เจ้าของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ตอนนี้คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ใครไม่รู้จักเธอ เพราะหลังจากทุ่ม ทุ่ม 800 ล้านบาท หรือ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ จนได้สิทธิเป็นเจ้าขององค์กรนางงามจักรวาล หรือ MUO แต่เพียงผู้เดียว ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของ แอน จักรพงษ์ อยู่ในกระแสของสื่อตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะไปไหนต้องเห็นแน่นอน
หลังจากทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ในการถือนางงามจักรวาลไม่นาน เธอก็ไม่ปล่อยกระแสให้จางหาย เพราะได้ นางงามจักรวาล และ Miss Universe Thailand มาอยู่บนเวทีเดียวกันกับงาน “JKN Global Group presents Miss Universe Extravaganza เจิดจรัสจักรวาล” มารวมตัวกันที่ประเทศไทย นั้นเป็นเหมือนหมัดแรกที่เธอทำให้ผู้คนเห็นว่าแค่งานย่อยก็สร้างความฮือฮาขนาดนี้ ถ้าจัดงานใหญ่จะขนาดไหน
ซึ่งแน่นอนโปรเจคท์ใหญ่ที่รออยู่ของ แอน จักรพงษ์ คือ Miss Universe หรือการจัดการแข่งขันประกวดนางงามจักรวาล ครั้งที่ 71 ณ เมืองนิวออลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะมีผู้เข้าประกวดที่เป็นตัวแทนจากทั่วโลกมาพร้อมกันถึง 90 คน ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
รวมถึง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ของปี 63 ฟันกำไรเน้น ๆ กว่า 400 ล้าน และโกยรายได้มากกว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากเดิมเกือบ 25% สวนกระแสกับหลายธุรกิจ ที่โดดเด่นทั้งนำเข้ารายการต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอินเดีย มาขายให้กับสถานีโทรทัศน์ต่าง รวมถึงซีรีส์มากมายนับไม่ถ้วน
และนั้นจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ปีหน้าชื่อของ แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ก็ยังคงน่าจับตามองในปี พ.ศ. 2566
2 /10
คุณณัฐ ยศวัฒนานนท์ เจ้าของสตูดิโอหนุ่มไฟแรงจาก IGLOO STUDIO ที่ผ่านการทำสื่อแอนิเมชั่นมากมายไม่ว่าจะทั้ง The Salads ในปี 2008 สื่อแอนิเมชัน 3D น่ารักของเหล่าผองเพื่อนผักผลไม้ ที่ไปคว้ารางวัลทั้งไทย และ ต่างประเทศนำชื่อเสียงกลับมาประเทศไทย รวมไปถึงผลงานที่หลายคนน่าจะได้รู้จักอย่าง 9 ศาสตรา ภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่เข้าฉายในปี 2018 ที่ทาง IGLOO STUDIO ได้ร่วมเขียนบท และ กำกับของหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้ทุกคนเริ่มรู้จักสตูดิโอมากขึ้นเรื่อย ๆ
Spirited Away, Akira, Ghost in the Shell, Up! และ Spider-Man: Into the Spider-Verse คือเรื่องที่คุณณัฐ เคยให้สัมภาษณ์กับ Lifestyle Asia ไว้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นเหล่านี้ และอีกมากมาย เป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจที่งานสร้างสรรค์ทุกชิ้นของ IGLOO STUDIO
ด้วยวิสัยทัศน์ และการทำงานที่ผ่าน ๆ มา ในแง่ CG Artist ส่งผลให้งานเป็นที่ประจักษ์ ทำให้งานสตูดิโอได้ร่วมงาน Netflix ในโปรเจคแอนิมเชั่น My Daemon กับทางฝั่งประเทศญี่ปุ่น โดยมีส่วนร่วมการพัฒนาเนื้อหา ตัวบท การกำกับ และให้ความอิสระทุกขั้นตอน ทั้งดีไซน์คาแรคเตอร์ และภาพ ซึ่งโปรเจคนี้ เราจะได้เห็นภาพชัดขึ้นปีหน้า สำหรับงานของ IGLOO STUDIO ยังไม่นับรวมงานโฆษณา งานเกม และอื่น ๆ ที่ยังรออีกนับไม่ถ้วน
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ คุณณัฐ ยศวัฒนานนท์ จาก IGLOO STUDIO จะเป็นบุคคลที่น่าจับตามองในปี พ.ศ 2566 สำหรับวงการ CG ประเทศไทย
3 /10
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือรองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือที่ทุกคนเรียกชื่อเล่นว่า ทริป คงไม่ต้องสาธยายเรื่องประวัติความเป็นมามาก เพราะหลายคนรู้จักอาจารย์หลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะทั้ง อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อดีตผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อดีตรัฐมนตรีคมนาคม, อดีตผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และ ปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 หลังชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565
หน้าที่หลักในการเป็นพ่อเมืองที่ผ่านมาของ ผู้ว่า กทม. คนปัจจุบัน ถือว่าเป็นศึกหนักไม่ใช่น้อยสำหรับหน้าที่ทั้งต้องดูแลทุกอย่าง ในการกำหนดนโยบายบริหารราชการให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยพันธกิจที่เกี่ยวข้องกับประชาชนหลายอย่าง เช่น การจัดระเบียบทางเท้า, ขนส่งสาธารณะที่ต้องพิจารณาสัมปทานรถไฟฟ้า, การจัดการขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์, การสนับสนุนตำรวจในแง่จราจร, การป้องกันสาธารณภัยร่วมกับอาสาสมัครฝ่ายพลเรือน, การรักษาความสะอาดด้านการจัดเก็บขยะ, การดูแลรักษาที่สาธารณะ ฯลฯ
ซึ่งจากนโยบาย 216 ข้อ ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ภายใน 4 ปี ในช่วงที่ผ่านมาของผู้ว่าก็มีการเข้าไปพบปะประชาชน และรับฟังปัญหา ถึงแม้บางเรื่องอาจจะยังไม่ได้รับการแก้ไขได้ฉับไว แต่การได้เห็นการทำงานผ่านไลฟ์ผ่านโลกโซเชียลเน็ทเวิร์ก ก็ทำให้เห็นว่า ผู้ว่าของคน กทม. ทำอะไรอยู่
แต่สำหรับ 1 นโยบายที่ได้รับคำชื่นชมไม่น้อยสำหรับ แอปพลิเคชัน Traffy Fondue โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ อาจารย์ ชัชชาติ นำมาต่อยอดให้ประชาชนมาแจ้งเหตุต่าง ๆ ก็สามารถได้ทันท่วงที
ส่วนในปี พ.ศ. 2566 อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ น่าจะมีปัญหาใหญ่รอแก้ให้คน กทม. ไม่น้อย รวมถึงการผลักดันพัฒนาและแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยให้ได้ทุกจุด เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่มีมูลค่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการแก้ไขอย่างไร รวมถึงทบทวนการต่ออายุสัญญา นั้นก็เป็นความท้าทายไม่น้อย และ ปัญหาเส้นเลือดฝอยไม่ว่าจะทั้ง ขยะ ฟุตบาท น้ำท่วม มีคนถามว่าจะทำไหวไหมเพราะปัญหาเยอะมาก ก็คงต้องจับตาดูในปีหน้าว่า หลายเรื่องที่ประชาชนทวงถามจะได้รับการแก้ไขแค่ไหน
“กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” คือโจทย์หลักที่ใช้ในการออกแบบนโยบาย ภายใน 4 ปี จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ปี พ.ศ. 2566 น่าจะมีอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
4 /10
ในยุคที่คนสรรหาเทรนด์การบริโภคใหม่ ๆ อาหารในอนาคตทำให้กระแสของ “Plant-based” ก็ได้รับการจับตามองมากยิ่งขึ้น หลายคนอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า เนื้อจากพืช เนื้อเทียม ฯลฯ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็คือ โปรตีนจากพืช นั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เราจึงมีโอกาสได้คุยคนที่ทำโดยตรงคือ คุณเดียว ปริยะ ศิริกุล ผู้สร้างแบรนด์ Mudjai Plant-Based Food จากเห็ดแครง จากในจังหวัดสงขลา ร่วมกับเพื่อนๆ คือ คุณภานุวัตร กิ้มหิ้น และ คุณธีร์กวิน ผลชนะ
คุณเดียว เติบโตมาจากสวนยางพารา ได้เห็นชาวบ้านทำสวนยางพารามาหลายปีก็ต้องประสบปัญหาราคายางมาตลอด ที่เหลือก็ไม่ได้สามารถไปทำอะไรได้ต่อ สุดท้ายบางก็อาจจะต้องเผาทิ้ง แถมยังเกิดเป็นมลภาวะอีก แต่อีกใจนึงก็เข้าใจชาวบ้านว่าเขาอยู่แต่กับสวนยางพาราอย่างเดียว แล้วไม่มีใครมาช่วยแก้ปัญหาด้วย ทำให้เขาหาหนทางคุยเรื่องนี้จริงจังกับครอบครัวว่าทำไงจะให้ผลผลิตเราดีขึ้น
โดยจุดเริ่มต้นนี้ต้องย้อนกลับไปปี 2012 หรือ พ.ศ. 2552 โจทย์ใหญ่ใจความนึงที่ได้รับจากครอบครัวคือ “ห้ามโค่นต้นยางทิ้ง” ที่นี่จะทำอะไรดี ก็ได้เห็น “เห็ดแครง” ขึ้นต้นยางพาราที่ตายไปแล้ว มันก็มักจะขึ้นเองตามธรรมชาติกับหน้าฝน ทำให้ราคาของเห็ดค่อนข้างดีเนื่องจากหารับประทานยาก จึงมีแนวคิดลองมาเพาะเห็ดแครงให้เหมือนกับเห็ดนางฟ้าที่เกี่ยวกับผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ดังนั้น คุณเดียว ก็ได้ตัดสินใจศึกษาจริงจังกับเรื่องนี้ โดยมีการไปอบรมเพาะเลี้ยงเห็ดแครงเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ จนทำได้สำเร็จ แต่มีการขายในรูปแบบเห็ดสด และ เห็ดตากแห้ง ภายใต้ “บ้านเห็ดแครง” วางขายตามตลาดนัด ตลาดสด สามารถสร้างรายหลายทางให้กับคนทำสวนยาง ถึงกระนั้น ธรรมชาติของสินค้ามักจะมีการเน่าเสียง่าย จึงมีการเปลี่ยนรูปแบบในการแปรรูปให้ยั่งยืนขึ้น หลังจากทำมาได้สัก 4-5 ปี
ช่วงปี 2561 จึงได้มีการเข้าร่วมกับ โครงการอบรมขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในโครงการ Food Innopolis เพื่อหาทางเพิ่มมูลค่าเห็ดแครง พอทราบมาจริง ๆ คือทึ่งว่ามันมีประโยชน์เยอะมาก
“เห็ดชนิดนี้มีโปรตีนสูงมาก ถ้าเทียบกับเห็ดด้วยกัน อย่างเห็ดแครงจะมีโปรตีนถึง 15% เห็ดอื่น ๆ อาจจะ 3-4% แต่ก็ยังสู้ถั่วไม่ได้ เพราะถั่วนี้ขึ้นไปถึง 30% ถึงกระนั้นเนื้อสัมผัสของเห็ดนั้นจะมีความอร่อยสู้กับฟันของเรา แถมมีเบต้ากลูแคนที่ช่วยสู้กับเซลล์มะเร็ง รวมถึงตอนนั้นเทรนด์ของเหล่าวีแกนก็มาพอดี เราจึงอยากขายต่างประเทศด้วย จึงนึกถึง แฮมเบอร์เกอร์ขึ้นมาก่อน แต่ Plant-based ส่วนใหญ่ที่ทำมาก่อนหน้านั้นมักจะทำมาจากถั่ว แล้วชาวต่างชาติเขาก็แพ้กัน ดังนั้น เราเลยทำแบบไม่มีถั่วผสม มีแต่เราที่ทำด้วยเห็ดแครง ก็เริ่มต้นด้วยจุดขายแบบนี้” คุณเดียวก็สาธยายอย่างภาคภูมิใจ
จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ว่าจะเอาชื่ออะไรดี โจทย์นั้นก็คืออยากได้ชื่อแบบไทย ๆ โดยที่ไม่ต้องไปยึดติดว่าต้องใช้คำภาษาอังกฤษ ก็เลยได้คำว่า “มัดใจ” ที่มาจากคำว่า “มัชรูม (Mushroom)” ที่แปลว่า เห็ด ในภาษาอังกฤษ กับคำว่า “จริงใจ” จากนั้นก็เริ่มหาโรงงาน และ ก็วิจัยเพิ่มกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโครงการอบรมขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ช่วยเหลือเป็นอย่าง เพื่อทำให้สินค้าไปได้ไกลมากขึ้น
ต่อจากนั้นก็ได้ไปออกงาน THAIFEX คิดว่าในใจต้องไปไกลในตลาดแน่ จนพร้อมที่ขายแล้วแต่ก็เจอวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถไปขายต่างประเทศได้ จึงต้องมีการปรับแผนขายในประเทศไทยเป็นหลัก ทั้งพัฒนาการผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ การพัฒนาเป็น Smart Farm ที่มาจากเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งช่วยเหลือสอนเครือข่าวที่ทำยางพาราอยู่แล้วให้มีการแบ่งพื้นที่มาเพาะเห็ด ซึ่งสวนยางของประเทศไทยมีเกือบ 20 ล้านไร่ ดังนั้น การมี Smart Farm ไปตั้งแต่ละที่ ชาวบ้านก็สามารถลุยกันเองได้ โดยปัจจุบันคุณเดียวมีเครือข่ายผู้ปลูกเห็ดแครงอยู่ประมาณ 15 ราย ในจังหวัดใกล้เคียงคือ สงขลา พัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณสิบตันต่อเดือน แน่นอนเป้าหมายคือการขายได้ทั่วประเทศ
และ อีกหนึ่งเป้าหมายคือ ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรับกับ BCG Economy Model ลดการสูญเสียของสินค้าการเกษตรที่ไร้ประโยชน์ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เริ่มจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา และ มีการนำกากกาแฟมาเพาะเห็ดแครงได้แล้ว ซึ่งคุณเดียวบอกว่าเรื่องนี้ต้องทำให้เป็นนิสัย ไม่ใช่เพื่อเพราะธุรกิจอย่างเดียว แต่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลก รวมถึงที่ธุรกิจที่ทำด้วย แต่ยังไงการได้กำไรก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อม พร้อมหวังให้ Plant-based เป็นอาหารในอนาคตสำหรับทุกคน
ส่วนแผนงานในปีหน้าสำหรับ Mudjai Plant-Based Food จะมีการตั้งเป้าลด CO2 ให้ได้มากขึ้น เพิ่มขยายเครือข่าย พัฒนา Smart Farm ให้ดียิ่งขึ้น และ ตั้งเป้าการขายให้มากขึ้น ด้วยการไปขายต่างประเทศหลังจากเจอโควิด-19 รวมถึงให้ทุกคนรับประทานแบรนด์นี้ทุกคนมีส่วนช่วยโลกไม่มากก็น้อย
ดังนั้น จึงไม่แปลก คุณเดียว ปริยะ ศิริกุล จะเป็นคนที่น่าจับตามองสำหรับปี 2566 กับการเชื่อว่า Plant-based เป็นวิวัฒนาการสำหรับอาหารจริง ๆ ส่วนใครที่สนใจก็แวะเวียนไปหาแบรนด์ได้ที่ www.facebook.com/mudjai.th/
5 /10
ตอนนี้ในประเทศไทยมีศิลปินมากมายให้ทุกคนได้เลือกฟัง และ ได้เลือกเสพตามสไตล์ของตัวเอง แต่หนึ่งในศิลปิน ที่เป็นทั้งนักร้อง และเป็นนักแต่งเพลงไป ก็มีไม่ได้เยอะมากนักในวงการ ดังนั้นการที่ Lifestyle Asia Thailand ได้คุยกับ พีท PetaBear ศิลปินไทย-ลาว จากสังกัดค่าย PAPA DUDE ที่กำลังเป็นศิลปินที่น่าจับตามองในขณะนี้
พีท PetaBear ได้เล่าว่า เขาเติบโต และใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานานถึง 18 ปี ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองเขาก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ของเพลงป๊อบอเมริกัน รวมถึงสไตล์เพลงอื่น ๆ อีกมากมาย สะสมความชอบด้านเพลงต่าง ๆ และในขณะเดียวกันก็ยังคิดถึงประเทศไทย ที่ตัวเองมีภูมิลำเนาและ ญาติอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตว่า จะเดินบนเส้นทางไหน ก็ตัดสินใจว่าอยากจะกลับมาไทย เพื่อหาหนทางเข้าสู่วงการเพลง แต่ก็ไม่ได้เรื่องง่ายเสียทีเดียว
ด้วยความสามารถของเขา และโชคชะตา ทำให้ได้มีโอกาสพบกับค่ายใหม่ค่ายนึงที่กำลังค้นหาศิลปินอยู่นั้นก็คือ “PAPA DUDE” ภายใต้การบริหารของ ของคุณเป๊กซ์ วง Zeal, และคุณ ‘อั๋น’ ประพันธ์ คูศิริวานิชกร จาก ดักก์บาร์ ที่จะทำให้ทุกคนได้ทำความฝันของตัวเอง
ซึ่งตัวเองของ พีท PetaBear ก็ได้ผ่านการคัดเลือกเป็นศิลปิน และได้มีโอกาสเจอ เป๊กซ์ วง Zeal ด้วยตัวเอง ก็กล่าวชื่นชมว่าเป็นคนที่ดูเป็นกันเอง แถมมีความสามารถด้านดนตรีที่สูงมาก ทำให้การร่วมงานเป็นไปด้วยทิศทางที่ดี
โดยตอนนี้ พีท PetaBear กำลังทำงานเพลง ด้วยการนำวัฒนธรรมความเป็นไทยมาผสมให้ได้ซาวนด์แบบอินเตอร์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราก็อยากเห็นเช่นกันว่าเป็นอย่างไร
มากกว่านั้น เทคนิคสไตล์การแต่งเพลงของเขาที่เติบโตมาในวัฒนธรรมอเมริกัน ก็จะเริ่มจากแนวคิดแต่งเพลงแบบอเมริกัน แล้วก็จะมีปรับเข้ากับความเป็นไทยให้ลงตัวที่สุด จนเป็นสไตล์ของตัวเอง โดยอยากจะให้แนวเพลงของตัวเองโด่งดังจนคนต่างชาตินึกถึง ว่าสิ่งที่ทำคือเป็นการสื่อถึงประเทศไทย ที่ทำให้คนต่างประเทศรู้จักเรามากขึ้น
ยังบอกเพิ่มเติมว่า เทคนิคการแต่งเพลงคือการนำอารมณ์ในช่วงเวลานั้นมาใส่ในเพลงให้มากที่สุด ไม่ว่าจะสุข หรือเศร้า ก็ต้องอารมณ์ร่วมให้มากที่สุด ถึงกระนั้น การแต่งเพลงก็ยังมีอุปสรรคที่เขายอมรับว่า การแต่งเพลงเนื้อหาแบบภาษาไทย ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เหมือนมีกฏบางอย่างที่ต้องเดินตาม มีการฟิกซ์เมโลดี้ เพราะภาษาไทยมีวรรณยุกต์ มีเสียงสูงต่ำ แต่ภาษาอังกฤษ มีความปรับเปลี่ยนเรื่องเมโลดี้ง่ายกว่า สามารถขยับขยายเปลี่ยนได้ โดยที่ข้อจำกัดน้อยกว่า
ทั้งนี้ พีท PetaBear พูดถึงปีหน้าจะมีเพลงของตัวเองที่เป็นเพลงสไตล์ไทยป๊อบ โดยที่มีศิลปินอีสานมาร่วมทำเพลง แต่ก็ขออุบไว้ก่อนว่าคือใคร ส่วนในอนาคตเจ้าตัวบอกว่าอยากร่วมงานกับ ดา เอ็นดอร์ฟิน และ อ๊อฟ ปองศักดิ์ รวมถึง UrboyTJ ซึ่งมีแต่คนที่น่าสนใจทั้งนั้น หวังว่าจะได้เห็นในสักวัน
คุณพีท PetaBear ผู้มีดนตรีในหัวใจก็กล่าวส่งท้ายว่า อยากให้ทุกคนรู้จักสไตล์เพลงเขา ก็คือ 3 คำ สั้นๆ ป๊อบ แดนซ์ และ Good music รอดูผลงานเพลงปี 2566 จะเป็นอย่างไร รอจับตาดูอย่างใจจดจ่อ
6 /10
Trey Hurst คนทำศิลปะด้านทัศนศิลป์ หรือ Visual Art พร้อมกับพ่วงงานสถาปัตยกรรมไปด้วย ดังนั้นทำให้งานภาพของเขามีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่น งานภาพวาดสีอะคริลิคบนแคนวาสที่เน้นการลงสีด้วยสีดำ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้งานของเขาได้รับความสนใจอย่างมากโดยในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ที่นำภาพของเขาไปตกแต่งออกมาได้อย่างสวยงาม และก็เป็นความโชคดีของทาง Lifestyle Asia ที่มีโอกาสได้คุยกับ Trey Hurst โดยตรง โดยตอนนี้เขาก็ได้อยู่ประเทศไทยในระยะยาว คนที่งานวงการศิลปะ น่าจะได้เห็นงานของเขามากยิ่งขึ้นตัวของ
Trey Hurst เองที่เติบโตมาจากย่าน Baton Rouge, Louisiana (หลุยเซียน่า แบตันรูช) สหรัฐอเมริกา พอตอนอายุ 18 ปี ก็มีโอกาสเข้าเรียนด้านสถาปัตยกรรมในมหาวิทยาลัย ที่ชิคาโก ถึง 5 ปี หลังจากนั้น ก็ย้ายไปที่ ซานฟรานซิสโกเพื่อเรียนปริญญาโทด้าน Fine Arts หรือวิจิตร์ศิลป์ในมหาวิทยาลัย California College of the Arts ในขณะเดียวกันเองเขาก็ทำงานบริษัทสถาปัตยกรรมไปด้วย 1-2 ปี ทำให้แนวคิดของเขาเองก็เติบโตในทิศทางที่ชัดเจน
หลังจากจบโปรแกรม MFA มาก็ได้เข้าสู่งานด้านการที่ปรึกษาการออกแบบ ทำให้งานของเขามีความหลากหลายมากขึ้นไม่ใช่แค่เฉพาะในงานด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์และการให้คำปรึกษา ซึ่งบริษัทที่ได้จ้าง เป็นบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ดีไซน์การออกแบบผลิตภัณฑ์ของเขาได้มีส่วนในการเพิ่มยอดขาย
ต่อจากนั้น Trey ได้ทำงานบริษัทเทคใน Bay Area ย่านซานฟรานซิสโก และได้มีโอกาสรับงานที่เมืองไทย จึงตัดสินใจมาประเทศไทยเมื่อปี 2017 และเมื่อความสนใจด้านศิลปะเรียกร้อง เขาจึงตัดสินใจออกจากงานประจำ แล้วกลายมาเป็นศิลปินเต็มตัว
ซึ่งในช่วงเวลา 10 ปี ผ่าน Trey เองก็ได้ทำงานส่วนใหญ่กับการออกแบบ ลงภาพผ่านอินสตาแกรมของตัวเองให้คนอื่นได้ชื่นชม แบ่งปันให้กับคนได้รับรู้
งานภาพของ Trey ก็จะเป็นทั้งการวาด ลงสี ผสมกับการใช้เรื่องความรู้สถาปัตยกรรมร่วมด้วย ทำให้งานออกมานั้นโดดเด่น และมีความโมเดิร์นในแบบฉบับของตัวเอง โดยสังเกตได้ว่างานส่วนใหญ่ของเขาก็มักจะเป็นภาพวาดของตึกรามบ้านช่องในทางสถาปัตยกรรม ใส่ความแฟนตาซีเพิ่มเข้าไป ซึ่งงานสถาปัตย์ส่วนใหญ่ของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Mies van der Rohe ผู้บุกเบิกวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ชาวเยอรมัน ที่เปรียบเสมือนต้นแบบอาชีพของเขา ทั้งในแง่ปรัชญา ไอเดีย การออกแบบ และความเรียบง่าย รวมไปถึง Anni Albers ศิลปินสิ่งทอชาวเยอรมันและช่างพิมพ์ภาพ และ Mark Rothko ศิลปินชาวรัสเซียที่รู้จักกันดีที่สุดของขบวนการ Expressionist Abstract ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดสำหรับ ภาพวาดสี ขนาดใหญ่ที่มีสีสันเชื่อมต่อกับผู้คน เพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณอะไรบางอย่างออกมา
มากกว่านั้นยังได้วิถีแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากหนังไซไฟด้วย
และแน่นอนการที่เขาได้มาที่ประเทศไทยก็ได้รับแรงบันดาลใจหลากหลายรูปแบบจากการท่องเที่ยวในเมือง สถานที่ต่าง ๆ นำมาต่อยอดชิ้นงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งในฐานะที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นศิลปินต่างชาติหน้าใหม่สำหรับในประเทศไทย เขาอยากจะบอกว่า ศิลปินในไทยมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก รวมถึงชุมชนที่รักงานด้านนี้เหมือนกันก็แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยวัฒนธรรมบางอย่างที่แข็งแกร่ง จึงไม่แปลกใจถ้าในอนาคต งานศิลปะในไทยจะเป็นที่รู้จักขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากพูดคุยเรื่องราวชีวิตกันมาสมควร ทาง Trey ได้กล่าวถึงโปรเจคท์ปี 2566 หรือ ปี 2023 ว่ามีแผนการจะทำหลายอย่าง ทั้งการร่วมงานกับศิลปินคนอื่นให้มากขึ้น ที่มีความแน่นอนชัดเจนคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับแบรนด์สกินแคร์ และจะมีการทำลายแพ็คเกจสำหรับน้ำหอมเป็นครั้งแรก ที่น่าจะมาช่วงไตรมาสของปีหน้า รวมถึงนำลายภาพวาดของเขามาทำลงบนเสื้อผ้าให้ทุกคนได้ใส่กัน และก็จะมีการจัดนิทรรศการงานของตัวเอง เหมือนช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาที่ได้จัดงานของตัวเองในชื่อ Misremembered but not Forgotten ที่ River City Bangkok ทำให้ทุกคนได้เห็นผลงานของเขาด้วยธีมที่ว่าด้วยความทรงจำสีจางจากบ้านเกิดที่ หลุยเซียน่า
และตอนนี้เขายังได้ทำแบรนด์ตัวเองอย่าง Tohmie ร่วมกับการทำงานศิลปะ ถ้าใครสนใจงานของเขาก็สามารถแวะไปที่เว็บไซต์ https://www.treyhurst.com/ ได้เลย
ดังนั้น ด้วยความหลงใหลในงานศิลปะ ไม่ว่าจะ อะคริลิคบนแคนวาส หรือ การใช้หมึกบนกระดาษ ที่ต้องใช้กำลังในการลงสีหนักบา ในแต่ละเส้น เปรียบเสมือนความไม่สมบูรณ์ ชีวิตที่ต้องต่อสู้กับความหนักเบาที่ต้องเจอหลากหลายรูปแบบ ซึ่ง Trey Hurst เป็นคนต่างชาติที่สร้างงานศิลปะที่โดดเด่นในประเทศไทย เขาจะเป็นคนหนึ่งที่น่าจับตามองในปี 2566 อย่างแน่นอน
7 /10
Pablo Martin Paez Gavira หรือที่รู้จักในชื่อ กาบี (Gavi) กองกลางดาวรุ่งอัจฉริยะชาวสเปนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ ที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึก ลามาเซีย ของ สโมสร บาร์เซโลน่า โดยตรง กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 17 ปี 62 วัน หลังจากอดีตผู้จัดการทีมชาติสเปนอย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ เลือกให้ลงเป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก รอบรองชนะเลิศกับอิตาลี
ในรายการฟุตบอลโลก 2022 ที่กาต้าร์ เจ้าตัวก็ติดสอยห้อยตามมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของ หลุยส์ เอ็นริเก้ และเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มให้ทั่วโลกได้เห็นในนัดแรกที่ สเปน ถล่ม คอสตาริก้า ไปถึง 7-0 ตัวของ กาบี (Gavi) เอง ก็ทำประตูได้ด้วย พร้อมกับทำสถิติเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยสุดอันดับ 3 ที่ยิงประตูในเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ด้วยวัย 18 ปี 110 วันแถมพ่วงด้วยนักเตะยอดเยี่ยมของนัดนั้นด้วย ถึงแม้สุดท้ายจะไม่สามารถพาสเปนไปถึงฝั่งฝัน เพราะตกรอบด้วยน้ำมือของ โมร็อกโกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเสียก่อน
แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยยังมีโอกาสได้ลงเล่นให้บาร์เซโลน่าอีกมากมาย และยังได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีมบาร์ซ่าอย่าง ซาบี เอร์นานเดซ ประกาศต่อสัญญาดาวรุ่งรายนี้ออกไปอีก 4 ปี พร้อมค่าฉีกสัญญามหาศาลถึงหนึ่งพันล้านยูโร อีกทั้งด้วยหน้าตาของทำให้มีข่าวสาว ๆ มาพัวพันมากมาย โดยปัจจุบันเจ้าตัวมียอดฟอลโลว์ในอินสตาแกรมมากกว่า 10 ล้านคน แม้กระทั่ง เจ้าหญิงเลโอนอร์ พระราชธิดาพระองค์โตในสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน ทรงมีความชื่นชอบ กาบี เป็นพิเศษ ทำให้ในปี 2566 กาบี (Gavi) จะกลายเป็นนักเตะที่เนื้อหอม ทั้งใน และนอกสนามอย่างแน่นอน ถ้าไม่ประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางเสียก่อน
8 /10
แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) อดีตผู้ก่อตั้ง และ CEO โซเชียลแพลตฟอร์มดังอย่าง Twitter ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ครั้งแรกปี 2006 จนถึงปี 2008 ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แล้วก็กลับมาอีกครั้งในปี 2015 ก่อนจะลาอีกเป็นคำรบที่สอง เมื่อปี 2021 ก่อนที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) จะเข้าเทคโอเวอร์เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2022 ด้วยมูลค่าสูงถึง 44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี 1976 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน St. Louis, Missouri คือหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญที่ทำให้ Twitter กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คระดับโลกที่มีมูลค่าพันล้านภายในสองปี ซึ่งเขาใช้เวลาเขียนโค้ดดิ้งเว็บนี้เพียง 2 สัปดาห์ โดยในอดีตเขาคือโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะ ที่เขียนโปรแกรมครั้งแรกด้วยวัยเพียง 14 ปี โปรแกรมเกี่ยวกับการเรียกใช้บริการแทกซี่ และรถดับเพลิง
ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวกำลังวุ่นอยู่กับโปรเจคท์ใหม่ที่กำลังทำอยู่อย่าง Bluesky แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ทเวิร์กน้องใหม่ ที่กำลังในช่วงทดลอง มีคนรอเข้าคิวต่อแถวทดสอบเกิน 3 หมื่นราย นับตั้งแต่เปิดตัว และล่าสุดก็กำลังประกาศรับสมัครงาน DevOps Engineer เพื่อคอยดูแลโครงสร้างของเว็บให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น รวมไปถึงดูแล Block, Inc. กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติของอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Jack Dorsey และ Jim McKelvey เกี่ยวกับการให้บริการด้านการเงิน
ให้จับตาในปี 2566 Bluesky จะมีความคืบหน้าไปได้ขนาดไหน คงต้องรอลุ้นกัน และ แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ผู้มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือถ้าเป็นเงินไทยก็ราว 1.5 แสนล้านบาท จากการจัดของ นิตยสาร Forbes จะมีอะไรอื่น ๆ ที่น่าสนใจกว่านี้ ก็มารอจับตาดูกันใน พ.ศ. ใหม่
9 /10
King Charles III หรือ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงขึ้นครองราชย์แทนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หลังจากการสวรรคตของพระองค์แล้ว ทำให้น่าจับตามองว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะนำพาราชวงศ์อังกฤษไปในทิศทางไหนต่อไป
‘สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3’ ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น ‘มกุฎราชกุมาร’ โดยนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958 เป็นต้นมา เป็นผู้ครองตำแหน่งรัชทายาทอย่างยาวนานถึง 64 ปี กับการรับบทบาทอันหนักอึ้งในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ตามรัฐธรรมนูญของสหราชอาณาจักร ที่ต้องเป็นกลางทางการเมือง และมีพระราชอำนาจในแง่เชิงสัญลักษณ์และพิธีการเท่านั้น
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากับวิกฤตจากความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ทั้งความเชื่อ ค่านิยม อุดมการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยน ทำให้สถาบันกษัตริย์ในหลายประเทศต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยในอดีตสถาบันกษัตริย์อังกฤษนั้นได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงบทเรียนสำคัญในปี 1649 ที่มีการยกเลิกระบอบกษัตริย์ และการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์เมื่อปี 1688 ที่มีการจำกัดอำนาจของกษัตริย์โดยรัฐสภา การปรับเปลี่ยนบทบาทจากการใช้พระราชอำนาจอย่างเต็มที่ด้วยพระองค์เองมาสู่บทบาทการเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
โดยหน้าที่หลัก ๆ ของ กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ คือ ทรงแต่งตั้งรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเข้าเฝ้าที่พระราชวังบักกิงแฮม รวมถึงทรงเปิดสมัยการประชุมและมีพระราชดำรัสต่อสภา ขณะประทับบนพระราชบังลังก์ในสภาขุนนาง รวมถึงการพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อมีกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รวมถึงทรงรับรองอาคันตุกะระดับประมุข และผู้แทนของรัฐ มากกว่านั้น ทรงดำรงตำแหน่งประมุขเครือจักรภพ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของรัฐเอกราช 56 ประเทศ
ด้วยพระองค์ทรงเห็นการเปลี่ยนแปลง จึงทรงเน้นย้ำและแสดงออกอย่างชัดเจนผ่านพระราชดำรัสแรกของพระองค์ที่มีเน้นตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระราชมารดา เพราะถ้าหากมีการประพฤติผิดรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ ก็อาจจะส่งปัญหาตามมาได้ รวมถึง เรื่องราวในอดีตของพระองค์ที่ยังคงมีการพูดถึงอยู่ในปัจจุบันคือ ปัญหาชีวิตสมรสของพระองค์กับเจ้าหญิงไดอานา ดังนั้นราชวงศ์อังกฤษจะถูกจะตาเฝ้ามองจากประชาชนในปีหน้าอย่างเด่นชัด รวมไปถึงศักราชถัด ๆ ไป
King Charles III หรือ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะสามารถฟันฝ่าปัญหาต่าง ๆ เพื่อชนะประชาชนได้ขนาดไหน ในฐานะประมุขผู้ทรงอำนาจสูงสุดในราชวงศ์วินด์เซอร์ เพราะทุกย่างก้าวของพระองค์นั้นส่งผลต่อราชวงศ์อังกฤษอย่างแน่นอน
10 /10
Volodymyr Zelensky (โวโลดีมีร์ เซเลนสกี) ประธานาธิบดียูเครน หนึ่งในบุคคล ที่เพิ่งได้รับการยกย่องจากนิตยสาร TIME เป็น 2022 PERSON OF THE YEAR หรือบุคคลแห่งปีประจำปี 2022 จากเกมยื้อยุทธ์ฉุกกระชากสงครามยูเครนกับรัสเซีย ได้เป็นเวลาหลัก 260 วัน ซึ่งล่าสุดรัสเซียเองก็ได้ล่าถอยออกไปจากเมือง Kherson แล้ว โดยถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น พวกเขาถูกรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างในประเทศจนย่อยยับ ผู้คนต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น รวมถึงการรอดการถูกลอบสังหาร จนตอนนี้เขากลายเป็นศูนย์รวมของคนยูเครนไปเสียแล้ว
Volodymyr Zelensky (โวโลดีมีร์ เซเลนสกี) สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งประเทศยูเครนด้วยคำปราศรัยต่าง ๆ ทั้งการวีดีโอเซลฟี่ และผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เป็นเหมือนกระบอกเสียงของประชาชนยูเครน ที่กำลังท้าทายกับรัสเซีย ทั้งที่ก่อนหน้าตัวของเขาเองก็ไม่ได้มีคะแนนนิยมที่ดีนัก แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนในประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ถึงกระนั้นเขาก็พยายามเรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูตินหลีกเลี้ยงการก่อสงครามครั้งนี้
ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์ของยูเครนยังคงวิกฤต ก็ไม่รู้ว่าจะยื้อได้ขนาดไหน แต่ประธานาธิบดีวัย 44 ปี กำลังกลายเป็นขวัญกำลังใจให้ประชาชนชาวยูเครนต่อสู้ร่วมกันครั้งนี้
ถ้าในปี 2566 ยูเครนสามารถหยุดยั้งหรือเจรจาหยุดสงครามระหว่างรัสเซียได้ คะแนนนิยมของในฐานะผู้รับใช้ประชาชน ก็น่าจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก แบบที่ใครหลายก็คนก็อาจจะทำไม่ได้ จึงไม่แปลกที่รางวัล PERSON OF THE YEAR 2022 จะไปอยู่ในมือของเขา