เรามักจะเคยได้ยินคำว่า Omakase กับ Chef’s Table กันมาเป็นอย่างดี แต่ 2 คำนี้มีความหมายต่างกันอย่างไร Omakase คือ อะไร กันแน่ แล้ว ต่างจาก Chef’s Table ไหม Lifestyle Asia มีคำตอบ

แน่นอนว่า ศิลปะในการกินอาหาร ไม่ได้หยุดอยู่ที่ การสั่งเมนูที่ต้องการ มาวางเรียงกันบนโต๊ะ หรือ เดินไปตักมากินเองเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งรูปแบบนั่น คือ การกินอาหารตามใจเชฟ อยู่ด้วย ซึ่งการกินในลักษณะนี้เรามักจะเรียกกันว่า โอมากาเสะ และ เชฟ เทเบิ้ล แน่นอนว่า การกินตามใจเชฟทั้งสองแบบ มีความแตกต่างกันอยู่ ในบทความนี้ จึงเราจะพาไปดื่มด่ำศาสตร์แห่งการกินนี้ เพื่อให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และ กินด้วยความเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น
Feature Image by Stefan Johnson/unsplash

Omakase คือ อะไร
ถึงแม้ว่าทั้ง โอมากาเสะ และ เชฟ เทเบิ้ล จะมีความหมายกว้าง ๆ เหมือนกัน แต่หากลงลึกไปในรายละเอียดนั้น มีความแตกต่างกันอยู่ โดย โอมากาเสะ เป็นการกินอาหารที่เชฟเลือกเอง ไม่มีการให้เลือกเมนูที่ชอบ หรือ ไม่ชอบ เป็นความไว้วางใจกันระหว่าง ลูกค้า และ เชฟ เชฟจะได้แสดงฝีมือเพื่อรังสรรอาหารจานนั้น ๆ ออกมาให้ดีที่สุด ส่วนลูกค้าก็เตรียมพร้อมรับเซอร์ไพรส์ที่เชฟจะนำมาเสิร์ฟตรงหน้า
สำหรับเมนูส่วนใหญ่ มักทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล เสิร์ฟเป็นแบบ คอร์ส และ มักมาทีละคำ เพื่อคงความสดใหม่ของวัตถุดิบ และ ให้ลูกค้าดื่มด่ำกับเมนูตรงหน้าอย่างเต็มที่

Chef’s Table คืออะไร
เชฟ เทเบิ้ล หรือ โต๊ะของเชฟ คือ การเสิร์ฟอาหาร ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยดึงเอา เสน่ห์ของเชฟ คนนั้น ๆ ออกมาผ่านทางเมนูแต่ละจาน ที่เสิร์ฟในคอร์สนั้น ๆ เชฟ เทเบิ้ลนี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายในร้านอาหารหรูเสมอไป อาจจะเป็นการเสิร์ฟที่บ้านเชฟ บ้านลูกค้า หรือ สถานที่ใดก็ได้ เพียงแค่เราแจ้งงบประมาณให้เชฟทราบ แจ้งประเภทเมนูอาหารที่ต้องการ หรือให้เชฟเป็นคนแจ้งมาก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงกัน จากนั้นเราก็เตรียมพุงไว้รอรับ เมนูอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จัดขึ้นเฉพาะเราเท่านั้นได้เลย
เมนูสำหรับเสิร์ฟในรูปแบบของเชฟ เทเบิ้ล มักแตกต่างกันออกไป ตามแต่ละเชฟ และ แต่ละโอกาส ส่วนใหญ่ มักเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล หรือเป็นวัตถุดิบพรีเมียม ที่เชฟต้องการ นำเสนอประสบการณ์ใหม่ ให้เราได้ลองชิม

กล่าวโดยสรุป คือ ทั้ง โอมากาเสะ และ เชฟ เทเบิ้ล ล้วนเป็นการรับประทานอาหารแบบ เปิดประสบการณ์ใหม่ ที่ใช้ใจในการสื่อสารกันระหว่างลูกค้า (ตัวเรา) และ เชฟ เป็นการกินอาหารที่ต้องเปิดใจ ไร้อคติ เพื่อซึมซับรสชาติ ที่เชฟบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อให้มื้ออาหารนั้น ๆ กลายเป็น มื้อสุดพิเศษ ที่จะคงอยู่ในความทรงจำ ไปอีกนานแสนนาน
ข้อสำคัญ สำหรับการรับประทานอาหาร ทั้งสองแบบ คือ ต้องศึกษาขั้นตอนการจอง และ การเข้ารับบริการอย่างละเอียด บางร้าน ต้องจองล่วงหน้าหลายเดือนเนื่องจากวัตถุดิบมีจำนวนจำกัด บางร้าน มีแบบสอบถาม ให้เรากรอกรายละเอียด ก่อนการเข้ารับบริการ ส่วนบางร้าน มีขั้นตอนในการใช้บริการที่เคร่งครัด เพื่อให้เราได้อรรถรส ในการ รับประทานอาหาร อย่างเต็มที่
อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟสไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และ ความงาม พร้อมกับ เรื่องราว ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้ที่ Lifestyle Asia