What is wrong with Kanye West? แร็ปเปอร์คนดังตอนนี้เป็นอะไร

หากใครตามติดข่าวบนโลกออนไลน์อยู่ตอนนี้ หนึ่งในหัวข้อที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดคือแร็ปเปอร์คนดัง Kanye West (คานเย่ เวสต์) ที่สร้างวีรกรรมมากมายจนหลายคนงงกันไปหมดว่า ตกลงตอนนี้เขาเป็นอะไร

คำถามนี้เองเราก็อยากรู้เหมือนกัน ถึงได้ตามไปสาวไส้สาวข่าวออกมาสืบถึงพฤติกรรมและคำพูดที่แปลกไป (หรือเปล่า) ของศิลปิน คานเย่ ถ้าจะให้พูดเรื่องการก่อวีรกรรม พ่อคนนี้ก็ไม่ได้ห่างไกลกับสถานการณ์เหล่านี้เสียเท่าไหร่ เพราะเราเห็นเขาเสียดสีคำพูดคนนั้นที แกล้งคนนี้ทีอยู่ตลอดเวลา (ทั้งๆ ที่เขาออกปากถึงเรื่องพระเจ้า และบ่นเรื่องการช่วยเหลือผู้คนอยู่บ่อยครั้งก็ตาม) จนใครหลายคนก็ลงเป็นเสียงเดียวกันว่า He is in everyone’s business!!! เสียเหลือเกิน

เรื่องล่าสุดที่เขาก่อไว้คือการหยิบเอาประเด็นละเอียดอ่อนมาพูด และเล่นสนุกโดยไม่รู้กาลเทศะ อย่างในโชว์ Yeezy Season 9 ในงานปารีสแฟชั่นวีคที่ผ่านมา เขาใส่เสื้อสกรีนลายคำว่า “White lives Matter” ที่ทำเอาคนทั้งโซเชียลเดือดกันเป็นหม้อต้ม เพราะวลีนี้ถูกดัดแปลงและล้อมาจาก “Black lives Matter” ที่เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิวของเหล่าคนดำ ทุกคนจึงพูดกันว่ามันไม่เหมาะไม่ควรอย่างมาก ที่คานเย่จะหยิบมาใช้แบบโนสนโนแคร์

ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เพราะหลังกระแสเรื่องการใส่เสื้อที่มีวลีนี้ของเขาไม่ทันไร คานเย่ ก็ก่อเรื่องต่อพร้อมออกมาปกป้องความคิดเห็นของตัวเองต่อการกระทำนั้น และพูดจากทำนองเหยียดชาวยิวเพิ่มเข้าไปอีก จนล่าสุดก็ต้องโดนบล๊อกแอคเคาท์ทั้งทวิตเตอร์และไอจีไปในที่สุด ไม่วายโดนแบรนด์รักเพื่อนซี้ปึ้กอย่าง Adidas ตัดหายปล่อยวัดไปอีกคน นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้นเพราะเมนคอร์สยังมีอีกเพียบ เมื่อย้อนกลับไปเดือนตุลาคมปี 2021 เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการจาก Kanye West ไปเป็น Ye West โดยให้เหตุผลว่า “ฉันเชื่อว่า Ye เป็นคำที่ถูกใช้บ่อยมากในไบเบิ้ล และในพระคัมภีร์นั้นมันหมายถึง ‘คุณ’ ดังนั้นตัวฉันเองก็คือ ‘คุณ’ คือพวกเรา”

พฤติกรรมที่ชอบอ้างอิงถึงพระเยซูและพระเจ้ายังไม่หมด ในช่วงปี 2006 เขาออกอัลบั้ม Yeezus ลำดับที่ 6 พร้อมเปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นพระเยซูที่มีอะไรคล้ายคลึงกัน ทั้งการที่เขาต้องต่อสู้เพื่อชื่อเสียง และทนทรมานกับการประสบความสำเร็จ (ที่ในความจริงแล้วไม่ใช่ และไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด) แถมยังเอาเลือดปลอมมาทาที่ตัวและใบหน้า พร้อมทำมงกุฎหนามเลียนแบบถึงมงกุฎของพระเยซูยามที่พระองค์ใส่ นี่สินะที่เรียกว่านับถือพระเจ้ามาก

หรือแม้แต่อ้างอิงการกระทำแปลกๆ ของเขาว่ามันคือศิลปะอย่างหนึ่ง อย่างช่วงคอนเสิร์ตทัวร์อัลบั้ม Donda ที่ชิคาโก เขาก็จุดไฟเผาตัวเองกับบ้านในเซตติ้งเกือบเป็นจุล แน่นอนว่าคานเย่ไม่เป็นอะไรเพราะเขาใส่เสื้อป้องกันเซฟตี้อย่างดี แต่คำถามคืออะไรที่ทำให้เขาต้องทำถึงขนาดนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าคำตอบที่จะได้จากปากของคานเย่คือคำเดียวว่า “ศิลปะ”

ไหนจะเรื่องทะเลาะกับกรรยาเก่าที่กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ เถียงกันไปมาผ่านโซเชียลมิเดียถึงการฟ้องหย่า และสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกหรือขอพบเจอ ไม่รู้ว่าตอนที่คบกับ Kim Kardashian พวกเขามีความสัมพันธ์แบบไหน คิมเป็นฝ่ายควบคุม หรือโดนควบคุม หรือต่างควบคุมกันและกัน เพราะเมื่อทั้งคู่เลิกกันไม่ทันไร คิมก็ดูเหมือนชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น เพราะหันไปคั่วกับ Pete Davidson แม้สุดท้ายจะเลิกรากันไป ด้วยเหตุผลที่ว่างานเยอะมาก ขณะเดียวกันคานเย่ก็หันไปคบกับสาว Julia Fox ที่แต่งตัวแปลกๆ และแต่งหน้าแหวกๆ ที่เธอเคยเอ่ยว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของ คานเย่ ทั้งนั้น

ดูเหมือนเขาจะนำตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทุกคน และกับทุกเรื่อง ราวกับสิ่งที่ตัวเขาต้องการมากที่สุดคือ “ความสนใจ” เขาดูต้องการความสนใจจากทุกคน ทั้งการที่เขาฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อนร่วมวงการอย่างศิลปิน Kid Cudi ว่าจะไม่ให้ร่วมงาน เพราะเขาเป็นเพื่อนกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร (เพื่อนของพีต เดวิดสัน แฟนของคิม) ซึ่งคิดเองก็ออกมาสาดสีกลับอย่างเผ็ดร้อนว่า เสียใจนะเขาเองก็ไม่ได้อยากมีส่วนร่วมในอัลบั้มเลยสักนิด

ถัดมาหน่อยตอนคานเย่ปล่อยเพลง Eazy เพลงนั้นก็มีการพูดด่าทอเสียดสีถึงพีต เดวิดสัน และในมิวสิควีดีโอเพลงเอง ก็ยังมีภาพที่เขาจับตัวคนรูปร่างเหมือนพีต พร้อมฝังเขาทั้งเป็น และทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “สุดท้ายทุกคนก็อยู่อย่างมีความสุข ยกเว้นเขาคนนั้น” ก่อนภาพจะตัดและมีคำขึ้นมาว่า “ล้อเล่น” ซึ่งเราไม่คิดว่าจะมีใครล้อเล่นไปกับเขาด้วยหรอก หรือจะเป็นตอนที่ทำให้เพื่อนในวงการอับอายทั้ง Taylor Swift, Beyonce และ Jay Z ซึ่งเดาว่ามันคงเป็นที่นิสัยอันแก้ยากของเขา อีกตอนน่ากลัวที่เขาทำตัวเสื่อมทรามกับแฟนคลับในปี 2014 ระหว่างออกทัวร์ เขาขอให้ทุกคนในคอนเสิร์ตลุกขึ้นยืน เพื่อสนุกสนานไปกับเพลงของเขา แม้กระทั่งคนที่นั่งบนวีลแชร์ ซึ่งคานเย่ในตอนนั้น ก็ยืนกรานว่าจะรอเขาคนนั้นลุกขึ้นยืน เขาถึงจะทำการแสดงได้

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพูดถึงเรื่องการเข้ารับการรักษา การพูดคุยกับจิตแพทย์ รวมถึงการที่เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์ ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับการกระทำของตัวเขาเอง ยังไม่นับรวมปัญหาอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นในจิตใจของเขา โดยมีแค่จิตแพทย์ส่วนตัวและตัวเขาเท่านั้นที่รู้ความจริงว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่เราหวังในตอนนี้คือขอให้เขากลับมาเป็นปกติสุข และมีสเถียรภาพทางจิตใจและทางสมองอีกครั้ง เพราะถ้าไม่นับเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากคำพูดและการกระทำ คานเย่ เองนับเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ ทั้ง 4 คน และเป็นแรปเปอร์ที่มีความสามารถ (มาก) พวกเราจึงได้แค่หวังว่าความสามารถของเขาจะไม่ต้องสูญเปล่า

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟสไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และความงาม พร้อมกับ เรื่องราวทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้ที่ Lifestyle Asia