รถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ปอร์เช่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า Formula E ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการดังกล่าวเกิดจากฝีมือของศูนย์วิจัย และ พัฒนา Porsche Development Centre สำนักงานใหญ่ Weissach พร้อมเปิดตัวครั้งแรกของโลก ณ ศูนย์การเรียนรู้ Porsche Experience Center ใน Franciacorta ประเทศอิตาลี รถคันนี้จะได้รับการส่งลงสนามภายใต้การดูแลของทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ในรายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าทางเรียบ ABB FIA Formula E World Championship ตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป
หนึ่งในรถแข่ง Gen3 คือปอร์เช่ 99X Electric Gen3 มีความเร็วสูงสุด น้ำหนักเบาที่สุด เปี่ยมล้นด้วยพละกำลัง รวมทั้งมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าอันยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา รถแข่งเหล่านี้ได้รับการออกแบบดีไซน์มาเป็นพิเศษสำหรับการแข่งขันอันดุเดือดในสงครามความเร็วบนสนามแข่ง City circuits ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก ตามธรรมเนียมปฏิบัติของการแข่งขัน Formula E
ด้วยแนวคิดในการออกแบบโดยรวมของรถแข่งปอร์เช่ และ รถแข่งคันอื่น ๆ ของการแข่งขัน Formula E เจเนอเรชั่นใหม่ คือวิวัฒนาการระดับก้าวกระโดดอย่างชัดเจน ตัวรถมีน้ำหนักที่เบาลง และ มีฐานล้อที่สั้นลง รวมทั้ง Track ที่แคบลงอีกด้วย ขณะที่แบตเตอรี่มีขนาดกะทัดรัด แต่ให้พละกำลังเพิ่มขึ้น ขอบเขตของระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ Recuperative energy กว้างขึ้น ระบบอากาศพลศาสตร์ และ งานออกแบบถูกปรับปรุงพัฒนาใหม่ทั้งหมด จึงส่งผลให้รถแข่งเจเนอชั่นล่าสุดนี้ ปราดเปรียวยิ่งขึ้น เสริมสมรรถนะการขับขี่เมื่อลงสนามแข่งได้อย่างอย่างเด่นชัด
ด้านผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าง โทมัส เลาเดนบัช (Thomas Laudenbach) รองประธานกรรมการผู้กำกับดูแลส่วนงาน Porsche Motorsport กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้นำเสนอรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ออกสู่สายตาประชาชนทั่วโลก ทีมงานนักพัฒนาใน Weissach ทุ่มเทเต็มที่เพื่องานนี้ ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์ จิตใจ แม้กระทั่งจิตวิญญาณ ทุกอย่างถูกบรรจุอยู่ในรถแข่งคันนี้ พวกเขาสามารถภาคภูมิใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่มีที่ติ เฉกเช่นเดียวกับการแข่งขัน Formula E เจเนอเรชั่นใหม่ รถแข่งปอร์เช่ เปรียบเสมือนตัวแทนของหลักชัยด้านเทคโนโลยีรถแข่งพลังงานไฟฟ้า สำหรับ Formula E และ รวมทั้ง แคมเปญเปิดตัวรถแข่งปอร์เช่คันใหม่ในฤดูกาลแข่งขันที่ 9 ของรายการ ABB FIA Formula E World Championship คือย่างก้าวที่สำคัญของอนาคตวงการมอเตอร์สปอร์ต เราเฝ้ารอคอยการเริ่มต้นฤดูกาล และ การเริ่มต้นยุคใหม่”
มาพร้อมกับ พละกำลังของรถแข่ง Gen3 ใหม่ เพิ่มขึ้นจาก 250 เป็น 350 กิโลวัตต์ (476 แรงม้า) และ ระบบส่งกำลังที่พัฒนาโดย Porsche Motorsport ถ่ายทอดพละกำลังสูงสุด 350 กิโลวัตต์ที่เพลาหลัง ซึ่งมากกว่าเจเนอเรชั่นก่อนคือ Gen2 ถึง 100 กิโลวัตต์ อีกทั้งระบบเบรกที่มาเป็นชุดขับเคลื่อนใหม่ที่เพิ่มกำลังจาก 250 กิโลวัตต์ เป็น 350 กิโลวัตต์ ในล้อคู่หลัง ส่งผลให้มีการชาร์จพลังงานย้อนกลับเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์ มากกว่า 2 เท่าตัวจาก Regenerative capability ของรถแข่ง Gen2 อุปกรณ์ของระบบเบรกที่เพิ่มเติม ได้รับการควบคุมโดย Brake-by-wire unit
มากกว่านั้น ระบบชาร์จพลังงาน Ultra-high-speed charging ใหม่ล่าสุดของรถแข่ง Gen3 สามารถเพิ่มพลังงานได้ประมาณ 600 กิโลวัตต์ ในระหว่างการแข่งขัน นั่นหมายความว่าการชาร์จพลังงานของรถแข่ง Formula E รุ่นใหม่ จะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบการชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงความยั่งยืน เมื่อพิจารณาถึงชิ้นส่วนที่ใช้ในการสร้าง เซลส์แบตเตอรี่ในรถแข่ง Gen3 รุ่นล่าสุด ได้รับการผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน หลังจากจบฤดูกาลแข่งขันทุกครั้ง เซลส์แบตเตอรี่จะถูกนำกลับมา Reuse หรือ Recycle สำหรับเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างตัวถัง Carbon fibre ทั้งนี้โรงงานผู้ผลิตให้การยืนยันว่าวัสดุ Carbon fibre ที่นำมาใช้นั้น ได้มาจากการ Recycle รถแข่ง Gen2 ที่ปลดประจำการไปแล้ว
ซึ่งจากผลการแข่งขันเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมาชัยชนะอันดับ 1 และอันดับ 2 ซึ่งเป็นผลงานของ Pascal Wehrlein และ André Lotterer ผู้ซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric โดยทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ฉลองความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในการแข่งขันที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) สำหรับปี 2023 นั้น นับเป็นการลงแข่งฤดูกาลที่ 4 ของรายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าทางเรียบรายการแรกของโลก ด้วยการส่งรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 คันใหม่
Hero and featured images: Porsche
อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟสไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และความงาม พร้อมกับ เรื่องราวทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้ที่ Lifestyle Asia