Hermès ( แอร์เมส ) เปิดตัวละครตัวใหม่ที่จะเข้ามาฉกหัวใจผู้ชม ด้วยซูเปอร์ เอช (Super H) ฮีโร่ผู้กล้าและรักสันโดษ พร้อมพาร่อนถลาสู่ประตูกาลเวลาที่รังสรรค์ขึ้น ผ่านงานหัตถศิลป์และศิลปะป๊อปอาร์ต
ซูเปอร์เอชคือม้าสีขาวงามสง่าที่ผงาดตัวขึ้นอย่างมั่นใจ พร้อมควบตะลุยวนเวียนย่านโฟบูร์ก (Faubourg) ที่ผู้คนร้องระงมหากัน พระเอกของเรื่องเปิดประตูสู่กาลเวลา เพื่อนำเสนอเรือนเวลาชิ้นหรูโมเดลใหม่ สลิม เดอ’แอร์เมส มินิท ออ โฟบูร์ก (Slim d’Hermès Minuit au Faubourg) ถ่ายทอดถึงโลกแห่งศิลปะป็อบอาร์ตด้วยแบ๊คกราวน์ของกรุงปารีส ผสมผสานด้วยฝีมือประณีตศิลป์ที่ละเมียดละไมของเมซง

ผสมผสานแนวคิดที่ได้มาจากผ้าพันคอไหมซึ่งออกแบบขึ้นในปี ค.ศ. 2014 โดย Dimitri Rybaltchenko ชิ้นงานครั้งนี้ถ่ายทอดภาพแห่งหอไอเฟลตระหง่านเหนือท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ที่พราวไปด้วยริ้วก้อนเมฆ และหมู่ดาวอเวนจูรีน ถัดออกไปยังมองเห็นหลังคาโดมของอนุสรณ์วาลีด (Invalides) รวมถึงเสาโอเบลิสก์ แห่งปลัส เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde) ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เมียงมองไปอีกฝั่ง เห็นปีกกังหันลมของมูแลงรูจ (Moulin Rouge) หมุนไปตามสายลมแห่งฤดูร้อน นับว่าเก็บรายละเอียดของสปิริตแห่งปารีสได้อย่างครบถ้วน
ไม่เพียงแค่นั้นบนหน้าปัดเรือนเวลาใหม่ ยังเป็นที่ตั้งของเลขที่ 24 รูว์ ดูว์ โฟบูร์ก แซงต์-โตโนเร่ (24 Rue du Faubourg Saint-Honoré) สถานที่ซึ่ง “แอร์เมส เซลลิเยร์” (“Hermès Sellier”) ได้ครอบครองพื้นที่นี้เมื่อปี ค.ศ. 1880 ดังที่ปรากฎชื่อไว้บนป้ายกำแพง และท้องฟ้าที่สาดลำแสงด้วยอักษรย่อตัว H ดั่งสัญลักษณ์แห่งการเรียกขานของผู้คน นี่คือความงดงามครั้งใหม่ที่แอร์เมสรังสรรค์ขึ้น ผ่านการวาดด้วยมือทั้งหมด ด้วยเทคนิคการวาดภาพย่อส่วน และการใช้สารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา เพื่อเนรมิตให้หน้าปัดมีมิติพื้นผิวแบบเกรนเล็กน้อย ราวดั่งผืนผ้าใบ บ่มเพาะการทำงานกว่า 50 ชั่วโมง ล้อมกรอบด้วยความสง่างามของตัวเรือนไวท์โกลด์ ขนาด 39.5 มม. และขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Manufacture Hermès H1950

สลิม เดอ’แอร์เมส มินิท ออ โฟบูร์ก ผลิตขึ้นด้วยกันสองซีรีส์ กับหนังจระเข้สีน้ำเงินอาบิสส์ (Abyss blue) และสีแดงเจอราเนียม (Geranium) ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียงซีรีส์ละ 24 เรือนเท่านั้น ติดตามเรื่องราวการเดินทางของเมซงเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และความงาม พร้อมกับ เรื่องราวทางวัฒนธรรมต่างๆ ได้ที่ Lifestyle Asia